การขับขี่ที่ปลอดภัยและคุณสมบัติของยาง
ยางคือชิ้นส่วนเดียวของรถที่สัมผัสกับถนนโดยตรง ดังนั้น การใช้งานและการดูแลรักษายางอย่างถูกต้อง รวมถึงการรู้จักคุณสมบัติของยาง จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรับประกันความปลอดภัยในทุกสถานการณ์ ยืดอายุการใช้งานของยาง และประหยัดค่าใช้จ่าย โปรดขับขี่อย่างปลอดภัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อมเสมอ
สัญลักษณ์บนแก้มยาง
บนแก้มยางจะมีสัญลักษณ์และข้อมูลต่าง ๆ หลายอย่าง นอกจากชื่อแบรนด์และรุ่นแล้ว ยังมีการระบุขนาดและคุณสมบัติของยาง เช่น ความกว้าง อัตราส่วนระหว่างความสูงของหน้ายางกับความกว้างของหน้ายาง รหัสโครงสร้างหรือรหัสการสร้าง เส้นผ่านศูนย์กลางของล้อ และดัชนีการรับน้ำหนักและความเร็วแรงดันลมยาง
แรงดันลมยางมีผลต่อความปลอดภัยและความประหยัดของรถอย่างมาก
ควรตรวจสอบแรงดันลมยางขณะยางเย็น (อย่าปรับแรงดันขณะยางร้อน) เป็นประจำทุกเดือน โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกล
ระยะเบรกสัมพันธ์กับแรงดันลมยาง เมื่อขับขี่ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. หากเติมลมยางถูกต้อง ระยะเบรกจะอยู่ที่ 40 เมตร เทียบกับ 42.4 เมตร เมื่อยางอ่อน ดังนั้น สมรรถนะจะดีขึ้นเกือบ 6% หรือเทียบเท่ากับ 2.4 เมตร
แรงดันลมยางที่ไม่ถูกต้องทำให้ยางสึกหรอไม่สม่ำเสมอ แรงดันลมยางที่ต่ำเกินไปทำให้ไหล่ยางสึก และเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายต่อโครงสร้างยาง แรงดันลมยางที่สูงเกินไปทำให้ยางสึกบริเวณตรงกลาง
ความสมบูรณ์ของยาง
ยางรถประกอบด้วยเนื้อยาง เหล็ก และเส้นใย เหล็กและเส้นใยเป็นวัสดุโครงสร้าง ส่วนเนื้อยางทำหน้าที่ปกป้องเหล็กและเส้นใยจากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เนื้อยางเองอาจถูกทำลายได้จากสารเคมีหรือปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ได้แก่:
- วัตถุมีคม แรงกระแทกที่รุนแรง หรือการใช้งานที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดความเสียหายที่มองเห็นได้หรือมองไม่เห็นในโครงสร้างยาง
- แรงดันลมยางที่ต่ำเกินไปก็ทำให้โครงสร้างยางเสียหายได้เช่นกัน
- อุณหภูมิที่สูงและแสงแดดสามารถทำลายเนื้อยางได้
ความลึกของร่องดอกยาง
ความลึกของร่องดอกยางเป็นปัจจัยสำคัญด้านความปลอดภัย มีผลอย่างมากต่อการสัมผัสถนนของรถ
ขณะเบรก ระบบ ABS จะควบคุมล้อให้อยู่ที่จุดใกล้ลื่นไถล แม้จะมีน้ำขังอยู่บนพื้นถนน เมื่อดอกยางอิ่มตัวด้วยน้ำ ระยะเบรกจะยาวขึ้นอย่างมาก
การเหินน้ำจะขึ้นอยู่กับความลึกของน้ำ ดอกยาง และความเร็วในการขับขี่ ในการทดสอบการเหินน้ำ จะขับรถเข้าไปในแอ่งน้ำที่มีความลึก 8 มม. แล้วเร่งความเร็ว เมื่อเครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น แต่ความเร็วไม่เพิ่ม แสดงว่าเกิดการเหินน้ำแล้ว
การเปลี่ยนยางตามฤดูกาล
การเลือกเปลี่ยนยางตามฤดูกาลอย่างถูกต้องเป็นหัวใจสำคัญของการขับขี่ที่ปลอดภัย ใช้ยางฤดูร้อนในหน้าร้อน และยางฤดู. หนาวในหน้าหนาว ระยะเบรก การยึดเกาะ และความเสถียร ล้วนขึ้นอยู่กับส่วนผสมของเนื้อยางที่เหมาะสม
ยางฤดูหนาวไม่เพียงช่วยยึดเกาะบนหิมะได้ดีเท่านั้น แต่ยังทำงานได้ดีกว่ายางฤดูร้อน เมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 7°C ทาง Pirelli ขอ แนะนำให้เปลี่ยนเป็นยางฤดูหนาวเพื่อความคล่องตัวบนทุกพื้นผิวและในทุกสภาพอากาศที่หนาวเย็น ในอุณหภูมิตั้งแต่ 7°C ลง ไป ยางฤดูร้อนจะมีระยะเบรกที่ยาวขึ้นและยึดเกาะบนหิมะได้น้อยลงอย่างมาก